Keblinger

Keblinger

หน้าเว็บ

สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

| วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555
สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
เวียดนามเป็นสมาชิกอาเซียนเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2538
ข้อมูลทั่วไป
มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (Socialist
Republic of Vietnam) เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์และมีบทบาท
สำคัญด้านความมั่นคงในภูมิภาค เป็นตลาดใหม่ในภูมิภาคอินโดจีน
การบริโภคในประเทศขยายตัวต่อเนื่อง ศักยภาพการผลิตสูง
แรงงานในประเทศมีคุณภาพ และยังคงมีค่าจ้างแรงงานต่ำ
ถูกจับตามองว่าจะเป็นคู่แข่งทางเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2551 เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัว
ไม่สมดุล อัตราเงินเฟ้อสูงมาก ตั้งเป้าหมายเป็นประเทศอุตสาหกรรม
ภายในปี 2563
พื้นที่
331,690 ตารางกิโลเมตร
เมืองหลวง
กรุงฮานอย
ประชากร
87 ล้านคน
ประเทศไทยกับอาเซียน 65
ภาษาราชการ
เวียดนาม ภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ คือ ภาษาอังกฤษ
ฝรั่งเศส และจีน
ศาสนา พุทธ
(ร้อยละ 90) คริสต์ (ร้อยละ 7) ศาสนาอื่นๆ (ร้อยละ 3)
วันชาติ
วันที่ 2 กันยายน
วันสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย
วันที่ 6 สิงหาคม 2519
การเมืองการปกครอง
ระบอบสังคมนิยม โดยพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม แต่งตั้งโดย
สภาแห่งชาติ (National Assembly) มีวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี ผูกขาด
การชี้นำภายใต้ระบบผู้นำร่วม (Collective Leadership) สาธารณรัฐ
สังคมนิยมเวียดนามเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมือง มีเอกภาพสูง
และมีการกระจายอำนาจ ซึ่งมีหลังการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์
เวียดนาม สมัยที่ 10 เมื่อกลางปี 2549 มีผู้นำที่มีประสบการณ์ด้าน
เศรษฐกิจและมีภาพลักษณ์ของผู้นำรุ่นใหม่
อากาศ
มรสุมเขตร้อน ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกเปิดโล่งรับลมมรสุม
ตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดผ่านทะเลจีนใต้ ทำให้มีโอกาสรับลมมรสุมและ
พายุหมุนเขตร้อน จึงมีฝนตกชุกในฤดูหนาวอุณหภูมิเฉลี่ยตั้งแต่
5 องศาเซลเซียส ถึง 37 องศาเซลเซียส
66 ประเทศไทยกับอาเซียน
สกุลเงิน
ด่ง
ข้อมูลเศรษฐกิจ
พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ
ข้าวเจ้า ยางพารา ชา กาแฟ ยาสูบ พริกไทย
การประมง
จับปลาได้เป็นอันดับ 4 ของสินค้าส่งออก เช่น ปลาหมึก กุ้ง
อุตสาหกรรมที่สำคัญ
อุตสาหกรรมทอผ้า อาหาร เหมืองแร่ รองเท้า ปูนซีเมนต์
เหมืองแร่ที่สำคัญ
ถ่านหิน น้ำมันปิโตรเลียม และก๊าซธรรมชาติ
ผลิตภัณฑ์นำเข้าที่สำคัญ
วัตถุดิบ วัสดุสิ่งทอ เครื่องหนัง เครื่องจักร ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
ตลาดส่งออกที่สำคัญ
ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน สหภาพยุโรป
ตลาดนำเข้าที่สำคัญ
สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ จีน
ความสัมพันธ์ระหว่างไทย – เวียดนาม
ไทยได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเวียดนาม เมื่อวันที่ 6
สิงหาคม 2519 โดยเปิดสถานเอกอัครราชทูตที่กรุงฮานอยและ
ประเทศไทยกับอาเซียน 67
สถานกงสุลใหญ่ที่นครโฮจิมินห์ เมื่อปี 2521 และปี 2535 ตามลำดับ
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย ประกอบด้วยสำนักงาน
ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารและสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเปิดสถานเอกอัครราชทูตในประเทศไทย
เมื่อปี 2521 ความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย - สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ปัจจุบันอยู่ในระดับที่ดี มีการแลกเปลี่ยนการเยือนทุกระดับรวมถึง
ระดับท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง
ความร่วมมือด้านการค้า
ทั้งสองประเทศวางกลไกความสัมพันธ์ในหลายระดับ ระดับสูงสุด คือ
กรอบการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย - สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
อย่างไม่เป็นทางการ (Joint Cabinet Retreat : JCR) ซึ่งในการประชุม
JCR ครั้งที่ 1 เมื่อปี 2547 ทั้งสองฝ่ายได้แสดงเจตนารมณ์ ใน
“แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยกรอบความร่วมมือไทย - สาธารณรัฐสังคมนิยม
เวียดนามในทศวรรษแรกของศตวรรษที่ 21” (Joint Statement on
the Thailand - Vietnam Cooperation Framework in the First
Decade of the 21st Century) ระบุให้มีการเพิ่มพูนความร่วมมือใน
ทุกๆ ด้าน และตกลงให้จัดตั้งกลไกการหารือร่วม (Joint Consultative
Mechanism : JCM) เพื่อเป็นกลไกในระดับรอง ทำหน้าที่ดูแล ประสาน
ความร่วมมือในภาพรวมแทนคณะกรรมาธิการร่วมไทย - สาธารณรัฐ
สังคมนิยมเวียดนาม (Joint Commission : JC)
ด้านการเมืองและความมั่นคง
มีความร่วมมือและประสานกันอย่างใกล้ชิด โดยมีกรอบการประชุม
คณะทำงานร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง
(Joint Working Group on Political and Security Cooperation
: JWG on PSC) เป็นกลไกสำคัญ
68 ประเทศไทยกับอาเซียน
ความร่วมมือด้านการลงทุน
ประเทศไทยลงทุนในสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามสูงเป็นอันดับที่
12 จากนักลงทุนต่างชาติทั้งหมด เอกชนไทยนิยมลงทุนที่นครโฮจิมินห์
และจังหวัดข้างเคียงในสาขาสำคัญ ได้แก่ ด้านการท่องเที่ยวและโรงแรม
เคมีภัณฑ์ อุตสาหกรรมการเกษตร อาหารสัตว์ อุตสาหกรรมพลาสติก
ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ ทั้งนี้ สาขาการลงทุนที่มีความน่าสนใจ ได้แก่
ภาคบริการ ซึ่งประเทศไทยมีประสบการณ์และสาธารณรัฐสังคมนิยม
เวียดนามมีความต้องการเพิ่มขึ้นมาก เมื่อเข้าเป็นสมาชิกองค์การ
การค้าโลก และมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจขึ้นอีกระดับหนึ่ง
ด้านวิชาการ สังคมและวัฒนธรรม
ประเทศไทยมีความร่วมมือทางวิชาการกับเวียดนามตั้งแต่ปี 2535
ผ่านกรอบการประชุมความร่วมมือทางวิชาการไทย - สาธารณรัฐ
สังคมนิยมเวียดนาม นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นความสำคัญของ
การแลกเปลี่ยนการสอนภาษาระหว่างกัน โดยรัฐบาลไทยได้รับความร่วมมือ
ให้เปิดหลักสูตรสอนภาษาไทยในมหาวิทยาลัยสาธารณรัฐสังคมนิยม
เวียดนาม 5 แห่ง ทั้งนี้ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามสนับสนุน
งบประมาณ 3.5 แสนดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างโรงเรียนสอนภาษา
เวียดนามที่จังหวัดนครพนม ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนการศึกษา
ดูงานระหว่างกันในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
ข้อควรรู้
- หน่วยงานราชการ สำนักงาน และองค์กรให้บริการสาธารณสุข
เปิดทำการระหว่างเวลา 08.00 น. – 16.30 น. ตั้งแต่วันจันทร์ – ศุกร์
- ผู้ถือหนังสือเดินทางปกติของไทย สามารถเดินทางเข้า
เวียดนามโดยได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และพำนักอยู่ในเวียดนาม
ได้ไม่เกิน 30 วัน
ประเทศไทยกับอาเซียน 69
- ชาวต่างชาติที่อยู่ในเวียดนาม ต้องถือหนังสือเดินทางติดตัว
ตลอดเวลา ทั้งนี้ควรถ่ายเอกสารหนังสือเดินทาง บัตรเครดิต
และเอกสารสำคัญอื่นๆ แยกเก็บไว้ต่างหากจากต้นฉบับ เนื่องจาก
โรงแรมที่พักจะขอให้แขกต่างชาติแสดงหนังสือเดินทาง เพื่อการ
ลงทะเบียนและแจ้งทางการตำรวจที่เกี่ยวข้อง เวียดนามไม่อนุญาตให้
ถ่ายภาพอาคารที่ทำการต่างๆ ของรัฐ
- หากนำเงินตราต่างประเทศติดตัวเข้ามามากกว่า 7,000
ดอลลาร์สหรัฐ ต้องแจ้งให้ศุลกากรเวียดนามทราบการนำเงินตราออก
ประเทศมากกว่า 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ ต้องได้รับอนุญาตจาก
ธนาคารแห่งชาติหรือธนาคารกลางในท้องถิ่นก่อน มิเช่นนั้นจะถูกยึดเงิน
- บทลงโทษของเวียดนามในคดียาเสพติด การฉ้อโกง
หน่วยงานของรัฐมีโทษประหารชีวิต

READ MORE

ราชอาณาจักรไทย

|
ราชอาณาจักรไทย
ไทยเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งอาเซียนเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2510
ข้อมูลทั่วไป
มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ราชอาณาจักรไทย (Kingdom of Thailand)
พื้นที่
513,115 ตารางกิโลเมตร
เมืองหลวง
กรุงเทพมหานคร
ประชากร
63 ล้านคน
ภาษาราชการ
ไทย
ศาสนา
พุทธ (ร้อยละ 90) พราหมณ์ ฮินดู คริสต์ และอิสลาม
62 ประเทศไทยกับอาเซียน
วันชาติ
วันที่ 5 ธันวาคม
การเมืองการปกครอง
ระบอบประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
อากาศ
แบบเขตร้อน (tropical climate) อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี ประมาณ
18-34 องศาเซลเซียส
สกุลเงิน
บาท
ข้อมูลเศรษฐกิจ
มูลค่าการค้าระหว่างไทย-ประเทศในอาเซียน (มกราคม – พฤศจิกายน
2551) รวมทั้งสิ้น 66,146.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยเกินดุลการค้า
9,625.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป
รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และ
ส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ ยางพารา
เม็ดพลาสติก สินค้าส่งออกที่ลดลง ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรกล
และส่วนประกอบของเครื่องจักร ส่วนประกอบอากาศยานและอุปกรณ ์
การบิน เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบทองแดงและของทำด้วย
ทองแดง อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด และวงจรพิมพ์
เป็นต้น
ประเทศไทยกับอาเซียน 63
พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ
ข้าว ข้าวโพด ยางพารา มันสำปะหลัง ผลไม้นานาชนิด เช่น เงาะ
ทุเรียน สับปะรด มังคุด ลางสาด มะม่วง กล้วยหอม ส้มโอ ฯลฯ
อาหาร ทะเลสดและตากแห้ง และผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่นๆ
ประเทศไทยกับอาเซียน
ไทยเป็นหนึ่งในห้าของสมาชิกผู้ก่อตั้งและเป็นจุดกำเนิดของอาเซียน
และมีบทบาทอย่างแข็งขันในกิจกรรมของอาเซียนตลอดมา รวมทั้ง
ยังมีส่วนผลักดันให้อาเซียนมีโครงการความร่วมมือในด้านต่างๆ
ที่ทันการณ์และสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ระหว่าง
ประเทศ อาทิ การจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน การประชุมอาเซียน
ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-
แปซิฟิก สนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในภูมิภาคเอเชียตะวัน
ออกเฉียงใต้
ข้อควรรู้
ธนาคารเปิดทำการตั้งแต่วันจันทร์ – ศุกร์ ระหว่างเวลา 08.00 น.
– 16.30 น. (ยกเว้นธนาคารตามห้างสรรพสินค้าที่เปิดบริการทุกวัน)
บริการแลกเปลี่ยนเงินตราเปิดทำการทุกวันระหว่างเวลา 08.30 น.
- 22.00 น.

READ MORE

สาธารณรัฐสิงคโปร์

|

สาธารณรัฐสิงคโปร์
สิงคโปร์เป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งอาเซียนเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2510
ข้อมูลทั่วไป
มีชื่อเป็นทางการว่า สาธารณรัฐสิงคโปร์ (Republic of Singapore)
มีความมั่นคงด้านการเมืองภายในทำให้มีความต่อเนื่องของนโยบาย
ในด้านต่าง ๆ และมีนโยบายการทูตเชิงรุก เป็นผู้นำของอาเซียน
ประเทศหนึ่ง เป็นศูนย์กลางธุรกิจด้านการค้าและบริการ โทรคมนาคม
การเงินและเทคโนโลยีสารสนเทศ (ธุรกิจที่ไม่ต้องอาศัยพื้นที่หรือ
ทรัพยากรธรรมชาติ) โดยมีการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและการ
โทรคมนาคมที่ทันสมัย เป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนยุทธศาสตร์กับไทย
ในการเข้าถึงและขยายโอกาสการค้าและการลงทุน มีระบบการศึกษา
และการแพทย์ที่ดีในเอเชีย มีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ดีและต่อเนื่อง
พื้นที่
699.4 ตารางกิโลเมตร
เมืองหลวง
สิงคโปร์
ประเทศไทยกับอาเซียน 57
ประชากร
4.6 ล้านคน
ภาษา
มาเลย์ เป็นภาษาประจำชาติ และใช้ภาษาอังกฤษ มาเลย์ จีนกลาง
และทมิฬ เป็น ภาษาราชการ
ศาสนา
พุทธ (ร้อยละ 42.5) อิสลาม (ร้อยละ 14.9) คริสต์ (ร้อยละ 14.6)
ฮินดู (ร้อยละ 4) ไม่นับถือศาสนา (ร้อยละ 25)
วันชาติ
วันที่ 9 สิงหาคม
วันสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย
วันที่ 20 กันยายน 2508
การปกครอง
ระบอบสาธารณรัฐ ระบบรัฐสภา มีประธานาธิบดีเป็นประมุข และ
นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล รัฐสภามีวาระคราวละ 5 ปี นโยบาย
ต่างประเทศของสิงคโปร์ เน้นด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยีและ
การลงทุนจากต่างประเทศ
อากาศ ร้อนชื้น
มีฝนตกตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ย 26.8 องศาเซลเซียส
สกุลเงิน
ดอลลาร์สิงคโปร์
58 ประเทศไทยกับอาเซียน
ข้อมูลเศรษฐกิจ
จุดแข็งของสิงคโปร์ คือ เป็นประเทศขนาดเล็ก มีประชากรเพียง 4-5
ล้านคน ทำให้ศักยภาพของคนเป็นจุดเด่นของประเทศ เนื่องจาก
รัฐบาลสามารถทุ่มงบประมาณในการพัฒนาระบบการศึกษาได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ สิงคโปร์โดดเด่นในการเสนอแนวคิดเรื่องความร่วมมือ
ใหม่ๆ กับอาเซียน เช่น เสนอแผนความร่วมมือประชาคมเศรษฐกิจ
อาเซียน ซึ่งเป็นข้อตกลงที่จะเริ่มใช้ในปี 2563 และแนวคิดเรื่องการ
ตกลงด้านการค้าระหว่างอาเซียน เป็นต้น
พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ
ยางพารา มะพร้าว ผัก ผลไม้
ผลิตภัณฑ์ส่งออกหลัก
ผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียม เครื่องจักร
ผลิตภัณฑ์นำเข้าที่สำคัญ
พลังงาน (ร้อยละ 40 ของการนำเข้าทั้งหมด) และอาหาร
ตลาดส่งออกที่สำคัญ
มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป
ตลาดนำเข้าที่สำคัญ
มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน ไทย ฮ่องกง
ประเทศไทยกับอาเซียน 59
ความสัมพันธ์ระหว่างไทย – สิงคโปร์
ด้านการทูต
ความสัมพันธ์ไทย–สิงคโปร์ดำเนินมาอย่างราบรื่นตลอด 41 ปี
และได้พัฒนาไปในลักษณะ “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” เนื่องจากทั้งสอง
ประเทศมีจุดแข็งและมีศักยภาพที่เอื้อประโยชน์ต่อกันเป็นอย่างดี
ไทยมีทรัพยากรธรรมชาติ แรงงานจำนวนมากและมีพื้นที่กว้างใหญ่
ส่วนสิงคโปร์แม้จะไม่มีทรัพยากรธรรมชาติและมีพื้นที่น้อย แต่มีความ
ก้าวหน้าทางทรัพยากรมนุษย์ เทคโนโลยีและและอุตสาหกรรมใน
ระดับสูง จึงได้นำจุดแข็งของทั้งสองประเทศมาพัฒนาร่วมกัน
จนนำไปสู่การส่งเสริมความสัมพันธ์และการพัฒนาที่ยั่งยืน
ด้านการเมืองและความมั่นคง
มีความร่วมมือทวิภาคี ทั้งการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ (Prime
Minister Retreat) ระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยกับสิงคโปร์ เพื่อสร้าง
ความคุ้นเคยระดับผู้นำและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มีการประชุม
คณะกรรมาธิการบริหารร่วมด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศระหว่าง
กองทัพไทย – สิงคโปร์ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงของ
ทั้งสองประเทศ มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกองทัพเรือไทย – สิงคโปร ์
และการฝึกร่วมผสม (Cobra Gold) เป็นต้น
ด้านเศรษฐกิจ/การค้า
สิงคโปร์ มีความชำนาญเรื่องของระบบการค้าเสรีเป็นอย่างดีและเป็น
คู่ค้าสำคัญอันดับ 5 ของไทย รองจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีนและ
มาเลเซีย สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป แผนวงจรไฟฟ้าและส่วน
ประกอบอากาศยาน ด้านการลงทุน สิงคโปร์เป็นประเทศที่เข้ามาลง
ทุนในไทยมากเป็นอันดับ 6 โดยมีการส่งเสริมความร่วมมือด้านสินค้า
อาหารและเกษตร การขนส่งและโลจิสติกส์ และอสังหาริมทรัพย์
60 ประเทศไทยกับอาเซียน
ด้านการท่องเที่ยว
ชาวสิงคโปร์มีทัศนคติที่ดีต่อประเทศไทยและชาวไทย และมีความรู้
เกี่ยวกับไทยในระดับดี เนื่องจากมีความนิยมชมชอบเดินทางเข้ามา
ท่องเที่ยวในไทย ตลาดนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์จึงเป็นหนึ่งใน
ตลาดหลักของการท่องเที่ยวของไทย
ด้านสังคมวัฒนธรรมและการศึกษา
กลไกความร่วมมือ ได้แก่ โครงการความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน
ข้าราชการพลเรือนไทย – สิงคโปร์ (Thailand – Singapore Civil
Service Exchange Programme - CSEP) ด้านการศึกษา มีแผนงาน
เพื่อพัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโดยแลกเปลี่ยน
คณาจารย์ นักวิจัย และนิสิตนักศึกษาของทั้งสองประเทศ
ข้อควรรู้
หน่วยราชการเปิดทำการวันจันทร์ – ศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 น.
-13.00 น. และ 14.00 น. - 16.30 น. และวันเสาร์ เปิดทำการระหว่างเวลา
08.00 น. – 13.00 น. ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยสามารถเดินทางเข้า
สิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตราและสามารถพำนักอยู่ได้
14 วัน การพำนักเกินระยะเวลาที่กำหนดถือว่าผิดกฎหมายมีโทษ
จำคุกสูงสุด 6 เดือน เฆี่ยน 3 ที ปรับสูงสุด 6,000 ดอลลาร์สิงคโปร์
และห้ามเข้าประเทศ การหลบหนีเข้าสิงคโปร์และประกอบอาชีพ
เร่ขายบริการผิดกฎหมาย จะถูกลงโทษอย่างรุนแรง การลักลอบนำ
ยาเสพติด อาวุธปืนและสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ จะได้รับโทษอย่างรุนแรง
ขั้นประหารชีวิต

READ MORE

สาธารณรัฐฟิลิปปินส์

|

สาธารณรัฐฟิลิปปินส์
ฟิลิปปินส์เป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งอาเซียนเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2510
ข้อมูลทั่วไป
มีชื่อเป็นทางการว่า สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (Republic of the
Philippines) เป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของไทยมาเป็นเวลานานและมีมุมมอง
ยุทธศาสตร์ร่วมกันในหลายด้าน ผลักดันความร่วมมือในด้านการค้า
พลังงาน ความมั่นคง ประสบปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองและ
เศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ประสบปัญหาจากขบวนการมุสลิมแบ่งแยก
ดินแดนภาคใต้
พื้นที่
298,170 ตารางกิโลเมตร
เมืองหลวง
กรุงมะนิลา
ประชากร
91 ล้านคน
52 ประเทศไทยกับอาเซียน
ภาษา
ตากาล็อก เป็นภาษาประจำชาติ ภาษาฟิลิปปินส์และภาษาอังกฤษเป็น
ภาษาราชการ
ศาสนา
คริสต์นิกายโรมันคาทอลิค (ร้อยละ 83) นิกายโปรเตสแตนท์ (ร้อยละ 9)
อิสลาม (ร้อยละ 5)
วันชาติ
วันที่ 12 มิถุนายน
วันสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย
วันที่ 12 กันยายน 2492
การเมืองการปกครอง
ระบอบประชาธิปไตยตามแบบสหรัฐอเมริกา โดยมีประธานาธิบดี
เป็นประมุขและหัวหน้าคณะบริหารประเทศ
อากาศ
มรสุมเขตร้อน ได้รับความชุ่มชื้นจากลมมรสุมทั้ง 2 ฤดูได้รับฝนจาก
ลมพายุไต้ฝุ่นและดีเปรสชั่น บริเวณที่ฝนตกมากที่สุด คือเมืองบาเกียว
สกุลเงิน
เปโซฟิลิปปินส์
ข้อมูลเศรษฐกิจ
พืชเศรษฐกิจสำคัญ
มะพร้าว อ้อย ป่านอบากา และข้าวเจ้า
ประเทศไทยกับอาเซียน 53
แร่ส่งออกสำคัญ
เหล็ก โครไมต์ ทองแดง เงิน
ผลิตภัณฑ์ส่งออกหลัก
แผงวงจรไฟฟ้า รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป
รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก เครื่องสำอาง เหล็กกล้า
เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกล ผลิตภัณฑ์ยางผลิตภัณฑ์พลาสติก
เครื่องรับโทรทัศน์ และกระดาษ
ตลาดส่งออกที่สำคัญ
สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน เนเธอร์แลนด์ ฮ่องกง สิงคโปร์
ตลาดนำเข้าที่สำคัญ
สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน จีน เกาหลีใต้
ความสัมพันธ์ไทย –ฟิลิปปินส์
มีความสัมพันธ์ที่ยาวนานและราบรื่นมาโดยตลอด ฟิลิปปินส์นับเป็น
ประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไทยสถาปนาความสัมพันธ์
ทางการทูตด้วย
ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ
เป็นคู่ค้าลำดับที่ 4 ของไทยในกลุ่มอาเซียน รองจากสิงคโปร์
มาเลเซียและอินโดนีเซีย ในขณะที่ไทยเป็นคู่ค้าลำดับที่ 2 ของ
สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ในกลุ่มอาเซียนรองจากสาธารณรัฐสิงคโปร์
ด้านความมั่นคง
สาธารณรัฐฟิลิปปินส์สนับสนุนแนวทางแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดน
ภาคใต้ของไทยอย่างสันติ โดยเน้นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม
54 ประเทศไทยกับอาเซียน
ซึ่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์พร้อมจะให้ความสนับสนุนด้านข้อมูล ข่าวสาร
และประสบการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผสมผสานหลักสูตรทาง
ศาสนากับหลักสูตรสามัญและกฎหมาย ซึ่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ได้
ดำเนินการไปแล้วในระดับหนึ่ง รวมทั้งยกร่างแผนงานเพื่อส่งเสริม
ความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ
และส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนาต่าง ๆ โดยการจัดสัมมนา
ระหว่างศาสนากับลัทธิความเชื่อ (Interfaith Dialogue) ทั้งนี้
ประเทศไทยได้จัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานตำรวจ
แห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ในเรื่อง
ความร่วมมือป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
ด้านการค้า/การลงทุน
ไทยขอให้ฟิลิปปินส์นำเข้าข้าวมากขึ้น และขอให้ยกเลิกมาตรการจำกัด
การนำเข้าสินค้ากระจก โดยมีมติให้คณะกรรมาธิการร่วมด้านการค้า
พิจารณาหารายละเอียดและแนวทางแก้ไขปัญหา
ด้านสาธารณสุข
ไทยและฟิลิปปินส์ได้หารือกันในหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องไข้หวัดนก
ซึ่งทั้งสองฝ่ายห่วงกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโรคในภูมิภาค
โดยพร้อมจะร่วมมือกันแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์เพื่อ
ป้องกันและสกัดกั้นการขยายตัวของโรค
ด้านพลังงาน
ทั้งสองฝ่ายจะเร่งรัดจัดการประชุมคณะทำงานร่วมด้านพลังงาน (Joint
Working Group on Energy) เพื่อสร้างความร่วมมือทั้งพลังงาน
ทางเลือก พลังงานชีวภาพ การลงทุนด้านพลังงานไฟฟ้าและ
พลังงานอื่นๆ
ประเทศไทยกับอาเซียน 55
ด้านการท่องเที่ยว
ไทยและฟิลิปปินส์ได้ลงนามในความตกลงว่าด้วยความร่วมมือ
ด้านการท่องเที่ยว เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2536 และในการประชุม
คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - ฟิลิปปินส์
เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2550 ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะกระชับความ
สัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว โดยให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนของ
ผู้บริหารระดับสูง การจัดพบปะระหว่างนักธุรกิจ และการแลกเปลี่ยน
บุคลากรด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ เช่น
การท่องเที่ยวที่สนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วม
ของชุมชน เป็นต้น
ข้อควรรู้
การเข้าไปประกอบธุรกิจในฟิลิปปินส์ในลักษณะต่างๆ เช่น การลงทุน
ร่วมกับฝ่ายฟิลิปปินส์จำเป็นต้องมีการศึกษาข้อมูลให้ละเอียด
โดยเฉพาะในด้านกฎหมาย การจดทะเบียนภาษี และปัญหาทางด้าน
แรงงาน เป็นต้น

READ MORE

ประเทศมาเลเซีย (Malaysia)

|
ประเทศมาเลเซีย (Malaysia)
มาเลเซียเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งอาเซียนเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2510
ข้อมูลทั่วไป
มาเลเซียมุ่งเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วภายในปี 2563 หรือ (Vision
2020) และมีแผนพัฒนาต่อเนื่อง (Mission 2057) เป็นแนวทางพัฒนา
ประเทศจนถึงปี 2600 มีบทบาทสำคัญในองค์การการประชุมอิสลาม
(OIC) และต้องการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้าของ OIC ภายในปี
2552 โดยใช้ศักยภาพด้านการบริหารธนาคารอิสลาม และอุตสาหกรรม
อาหารฮาลาล ในปี 2550 นักท่องเที่ยวมาเลเซียมาไทยมากเป็น
อันดับหนึ่ง และเป็นคู่ค้าสำคัญของไทยในอาเซียน
พื้นที่
329,758 ตารางกิโลเมตร
เมืองหลวง
กรุงกัวลาลัมเปอร์
ประชากร
27.73 ล้านคน
42 ประเทศไทยกับอาเซียน
ภาษา
มาเลย์
ศาสนา
อิสลาม (ร้อยละ 60) พุทธ (ร้อยละ 19) คริสต์ (ร้อยละ 12)
วันชาติ
วันที่ 31 สิงหาคม
วันสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย
วันที่ 31 สิงหาคม 2500
การปกครอง
ระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ปัจจุบันประกอบด้วยรัฐ 13 รัฐ
ประมุขแห่งรัฐมีตำแหน่งเป็นสมเด็จพระราชาธิบดี อยู่ในตำแหน่งคราวละ
5 ปี นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาลสหพันธรัฐ และมุขมนตรีแห่งรัฐ
เป็นหัวหน้ารัฐบาลแห่งรัฐ
อากาศ
มีอากาศร้อนชื้นแถบศูนย์สูตร อยู่ในอิทธิพลของลมมรสุม
สกุลเงิน
ริงกิต
ข้อมูลเศรษฐกิจ
การเพาะปลูก เป็นประเทศที่ผลิตยางพาราที่สำคัญของโลก และข้าวเจ้า
ปลูกมากบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำทั้ง 2 ด้าน
ประเทศไทยกับอาเซียน 43
ผลิตภัณฑ์ส่งออกที่สำคัญ
อุปกรณ์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติเหลว
ปิโตรเลียม เฟอร์นิเจอร์ ยาง น้ำมันปาล์ม
ผลิตภัณฑ์นำเข้าที่สำคัญ
ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรอุตสาหกรรม
สินค้าแปรรูป สินค้าอาหาร
ตลาดส่งออกที่สำคัญ
สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน ไทย ฮ่องกง
ตลาดนำเข้าที่สำคัญ
ญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน ไทย
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับมาเลเซีย
ด้านการทูต
นอกจากสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงกัวลาลัมเปอร์แล้ว ไทยยัง
มีสถานกงสุลใหญ่ ในมาเลเซียอีก 2 แห่ง คือ ปีนัง และโกตาบารู
และมีสถานกงสุลกิตติมศักดิ์เกาะลังกาวี อีก 1 แห่ง สำหรับ
หน่วยงานของส่วนราชการต่างๆ ซึ่งตั้งสำนักงานอยู่ภายใต้สถาน
เอกอัครราชทูตไทย ได้แก่ สำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร สำนักงาน
ส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ สำนักงานแรงงาน ส่วนหน่วยงาน
ของไทยอื่นๆ ที่ตั้งสำนักงานในมาเลเซียคือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
บริษัทการบินไทย สำหรับหน่วยงานของมาเลเซียในประเทศไทย
ได้แก่ สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย และสถานกงสุลใหญ่มาเลเซีย
ประจำจังหวัดสงขลา
44 ประเทศไทยกับอาเซียน
ด้านการเมืองและความมั่นคง
ไทยและมาเลเซียมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและแน่นแฟ้น มีการแลก
เปลี่ยนการเยือนทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการในระดับต่างๆ
ตั้งแต่ระดับพระราชวงศ์ชั้นสูง ระดับรัฐบาล และเจ้าหน้าที่อย่างสม่ำเสมอ
แต่ยังคงมีประเด็นปัญหาที่ต้องร่วมมือกันแก้ไข เช่น ปัญหา
การปักปันเขตแดนทางบก ปัญหาบุคคลสองสัญชาติ และการก่อความ
ไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย เป็นต้น
ด้านเศรษฐกิจ/การค้า
การค้าระหว่างไทยกับมาเลเซียในปี 2550 มีมูลค่า 16,408
ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยขาดดุลการค้า 826.50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย ได้แก่ เครื่องสำอาง เครื่องคอมพิวเตอร ์
รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า ยางพารา
สินค้านำเข้าที่สำคัญจากมาเลเซีย ได้แก่ น้ำมันดิบและแร่เชื้อเพลิง
เคมีภัณฑ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบเคมีภัณฑ์
เครื่องจักรไฟฟ้า และส่วนประกอบ ในปี 2550 นักลงทุนมาเลเซียได้
รับอนุมัติโครงการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการ
ลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 53 ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนด้านอุปกรณ์และ
ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
ด้านการท่องเที่ยว
ในปี 2550 นักท่องเที่ยวมาเลเซียเดินทางมาประเทศไทย 1.2 ล้านคน
และนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปมาเลเซียประมาณ 600,000 คน
ด้านสังคม วัฒนธรรมและการศึกษา
ไทยกับมาเลเซียมีความใกล้ชิดกันในระดับท้องถิ่น ประชาชนทั้งสอง
ฝ่ายไปมาหาสู่กันในฐานะมิตรและเครือญาติ มีโครงการเชื่อมโยง
ประเทศไทยกับอาเซียน 45
เส้นทางคมนาคม และความร่วมมือด้านการบริหารจัดการสัญจร
ข้ามแดน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในพื้นที่และส่งเสริมการ
ติดต่อด้านการค้าและการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยัง
อนุญาตให้ประชาชนที่ถือสัญชาติของอีกฝ่ายหนึ่งที่อาศัยอยู่ในพื้นที่
ชายแดนใช้บัตรผ่านแดนซึ่งออกให้โดยหน่วยงานปกครองท้องถิ่นของ
แต่ละประเทศแทนการใช้หนังสือเดินทางเพื่อผ่านด่านพรมแดน
รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้นำศาสนาอิสลาม การแลกเปลี่ยน
ข้อมูลด้านการบริหาร จัดการโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามและวิทยาลัย
อิหม่าม เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านกิจการศาสนาอิสลาม มีการ
ประชุมความร่วมมือทางวิชาการระหว่างกันเพื่อทบทวนและติดตาม
ผลการดำเนินงานของทั้ง 2 ประเทศ
ข้อควรรู้
ประเทศมาเลเซียบัญญัติในรัฐธรรมนูญให้ศาสนาอิสลามเป็นศาสนา
ประจำชาติ และผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามจะได้รับสิทธิพิเศษ คือ
เงินอุดหนุนทางด้านการศึกษา สาธารณสุข การคลอดบุตร
งานแต่งงานและงานศพตามนโยบาย “ภูมิบุตร” มาเลเซียมีปัญหา
ประชากรหลากหลายเชื้อชาติ ในอดีตเคยเกิดการปะทะระหว่าง
เชื้อชาติ เนื่องจากการกีดกันทางเชื้อชาติ ชาติพันธุ์ในมาเลเซียประกอบด้วย
ชาวมาเลย์ กว่าร้อยละ 40 ที่เหลืออีกกว่าร้อยละ 33 เป็นชาวจีนร้อยละ
10 เป็นชาวอินเดีย และ อีกร้อยละ 10 เป็นชนพื้นเมืองบนเกาะบอร์เนียว
อีกร้อยละ 5 เป็นชาวไทย และอื่นๆ อีกร้อยละ 2

READ MORE

สหภาพพม่า

|
สหภาพพม่า
พม่าเป็นสมาชิกอาเซียนเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2540
ข้อมูลทั่วไป
มีชื่อเป็นทางการว่า สหภาพพม่า (Union of Myanmar) มีทรัพยากร
อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งวัตถุดิบทรัพยากรธรรมชาติ ตลาดการค้า
แรงงาน และแหล่งลงทุนที่สำคัญของไทย โดยเฉพาะด้านพลังงาน
(ก๊าซและไฟฟ้าพลังน้ำ) และเป็นทางเชื่อมสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน
และสาธารณรัฐอินเดีย สหภาพพม่าเป็น “critical factor”
ในยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาคของไทย ซึ่งไทยได้รับผลกระทบจาก
สถานการณ์ภายในพม่าหลายประการ อาทิ ยาเสพติด แรงงานผิดกฎหมาย
ความมั่นคงบริเวณชายแดน เป็นต้น
พื้นที่
657,740 ตารางกิโลเมตร
เมืองหลวง
เนปีดอว์
ประชากร
55.4 ล้านคน
ประเทศไทยกับอาเซียน 47
ภาษาราชการ
พม่า
ศาสนา
พุทธ (ร้อยละ 90) คริสต์ (ร้อยละ 5) อิสลาม (ร้อยละ 3.8)
วันชาติ
วันที่ 4 มกราคม
วันสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย
วันที่ 24 สิงหาคม 2491
การปกครอง
ระบอบเผด็จการทางทหาร ปกครองโดยรัฐบาลทหารภายใต้สภาสันติภาพ
และการพัฒนาแห่งรัฐ (State Peace and Development Council
หรือ SPDC) โดยประธาน SPDC เป็นประมุขของประเทศ และ
นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล
อากาศ
มรสุมเมืองร้อน ด้านหน้าภูเขาอาระกันโยมา ฝนตกชุกมาก ภาคกลาง
ตอนบนแห้งแล้งมาก เพราะมีภูเขากั้นกำบังลมส่วนภาคตะวันออก
เฉียงเหนือ อากาศค่อนข้างเย็น และค่อนข้างแห้งแล้ง
สกุลเงิน
จั๊ต
48 ประเทศไทยกับอาเซียน
ข้อมูลเศรษฐกิจ
การเพาะปลูกเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลัก เขตเกษตรกรรมคือบริเวณ
ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิรวดี และแม่น้ำสะโตง ปลูกข้าวเจ้า
ปอกระเจา อ้อย และพืชเมืองร้อนอื่นๆ
ผลิตภัณฑ์ส่งออกที่สำคัญ
ก๊าซธรรมชาติ สิ่งทอ ไม้ซุง
ผลิตภัณฑ์นำเข้าที่สำคัญ
เครื่องจักรกล ใยสังเคราะห์ น้ำมันสำเร็จรูป
ตลาดส่งออกที่สำคัญ
ไทย อินเดีย จีน
ตลาดนำเข้าที่สำคัญ
จีน สิงคโปร์ ไทย
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-สหภาพพม่า
ด้านการทูต
ไทยและพม่าเปิดสถานเอกอัครราชทูตของทั้งสองฝ่ายเมื่อวันที่
14 ธันวาคม 2492 ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทั้งในระดับ
รัฐบาลและประชาชน มีการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับอย่าง
สม่ำเสมอ
ด้านการเมืองและความมั่นคง
ไทยและพม่ามีกลไกความร่วมมือทวิภาคี ได้แก่ คณะกรรมาธิการร่วม
ไทย-พม่า (Thailand – Myanmar Joint Commission on Bilaeral
ประเทศไทยกับอาเซียน 49
Cooperation – JC) คณะกรรมการเขตแดนร่วม (Joint Boundary
Committee – JBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค
(Regional Border Committee – RBC) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือ
และแก้ไขปัญหาในระดับต่างๆ ทั้งในภาพรวมและระดับพื้นที่
ด้านเศรษฐกิจ/การค้า
ไทยและพม่ามีกลไกความร่วมมือในกรอบคณะกรรมาธิการร่วมทาง
การค้าไทย-พม่า (Joint Trade Commission – JTC) เพื่อส่งเสริม
ความสัมพันธ์และความร่วมมือทางการค้าระหว่างกันไทยเป็นประเทศ
คู่ค้าอันดับ 1 ของพม่า สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย ได้แก่ ไขมัน
และน้ำมันจากพืชและสัตว์ เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์
และเม็ดพลาสติก สินค้าที่ไทยนำเข้าจากพม่า ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ
ไม้ซุง ไม้แปรรูป สินแร่โลหะอื่นๆ และเศษโลหะ เหล็ก เหล็กกล้า
และถ่านหิน ด้านการลงทุน ภาคเอกชนไทยลงทุนในพม่าร้อยละ 17.28
ของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด และเป็นอันดับ 2 รองจาก
ประเทศสิงคโปร์
ด้านการท่องเที่ยว
ไทยและพม่าจัดตั้งคณะกรรมการร่วมด้านการท่องเที่ยวและพัฒนา
การท่องเที่ยวระหว่างภาคใต้ของไทยกับเมืองทวายของพม่า
ด้านสังคมวัฒนธรรมและการศึกษา
ไทยและพม่าได้ลงนามในความตกลงทางวัฒนธรรมเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม
2542 และมีการดำเนินกิจกรรมต่างๆ เช่น โครงการอัญเชิญ
ผ้าพระกฐินพระราชทานไปถวายแก่วัดในพม่าการเชิญผู้สื่อข่าวพม่า
เยือนไทยการสนับสนุนการสอนภาษาไทยในมหาวิทยาลัยภาษา
ต่างประเทศของพม่า โครงการความร่วมมือทางวิชาการที่ไทยให้ทุน
50 ประเทศไทยกับอาเซียน
การศึกษา ทุนฝึกอบรม/ดูงาน จัดส่งวัสดุอุปกรณ์และผู้เชี่ยวชาญไป
ให้คำปรึกษาแนะนำในด้านต่าง ๆ ในสาขาการเกษตร การศึกษา
สาธารณสุข และสาขาอื่นๆ ที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน นอกจากนี้
เมื่อปี 2544 รัฐบาลไทยได้ให้ความช่วยเหลือแก่พม่าในโครงการพัฒนา
หมู่บ้านยองข่า รัฐฉาน โดยนำโครงการพัฒนาดอยตุงเป็นแบบอย่าง
เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนพม่าให้เลิกปลูกฝิ่นและปลูกพืช
ผลอย่างอื่น ช่วยสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ดำเนินการด้านสาธารณสุข
ฯลฯ แต่ภายหลังเมื่อมีการปลดพลเอก ขิ่น ยุ้น โครงการดังกล่าว
ได้รับผลกระทบจึงหยุดชะงักไป นอกจากนี้ไทยและพม่าได้ร่วม
ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสารสนเทศและ
การกระจายเสียงและเผยแพร่
ข้อควรรู้
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2553 รัฐบาลพม่าประกาศเปลี่ยนธงชาติและ
ตราประจำชาติอย่างเป็นทางการ แต่ยังใช้ชื่อเดิมคือ สหภาพพม่า
(the Union of Myanmar) ส่วนชื่อประเทศใหม่ตามรัฐธรรมนูญ คือ
สาธารณรัฐสหภาพพม่า (the Republic of the Union of Myanmar)

READ MORE

สาธารณรัฐอินโดนีเซีย

|
สาธารณรัฐอินโดนีเซีย
อินโดนีเซีย เป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งอาเซียน เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2510
ข้อมูลทั่วไป
มีชื่อเป็นทางการว่า สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (Republic of Indonesia)
เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมีประชากร
มุสลิมมากที่สุดในโลก มีทรัพยากรธรรมชาติมาก (น้ำมัน ถ่านหิน
ทองคำ สัตว์น้ำ) เป็นแหล่งประมงที่ใหญ่ที่สุดของไทย มีบทบาทสูงในกลุ่ม
NAM และ OIC
พื้นที่
5,193,250 ตารางกิโลเมตร
เมืองหลวง
กรุงจาการ์ตา
ประชากร
245.5 ล้านคน
ภาษา
อินโดนีเซีย เป็นภาษาราชการ
ประเทศไทยกับอาเซียน 33
ศาสนา
อิสลาม (ร้อยละ 88) คริสต์ (ร้อยละ 8) ฮินดู (ร้อยละ 2)
พุทธ (ร้อยละ1) ศาสนาอื่นๆ (ร้อยละ1)
วันชาติ
วันที่ 17 สิงหาคม
วันสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย
วันที่ 7 มีนาคม 2493
การปกครอง
ระบอบประชาธิปไตย มีประธานาธิบดีเป็นผู้นำของประเทศ (วาระ
การบริหารประเทศ 5 ปี และต่อได้อีก 1 วาระ) มีการแบ่งอำนาจ
ระหว่างประธานาธิบดีและสภาผู้แทนราษฎรและเป็นการปกครอง
ในระบบสาธารณรัฐแบบ Unitary Republic ซึ่งมีการปกครองตนเอง
ในบางพื้นที่ (provincial autonomy)
อากาศ
แบบป่าฝนเขตร้อน มี 2 ฤดูคือ ฤดูแล้งและฤดูฝน อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ระหว่าง
21 – 33 องศาเซลเซียส
สกุลเงิน
รูเปียห์
ข้อมูลเศรษฐกิจ
อินโดนีเซียมีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศคิดเป็นมูลค่ารวม
ประมาณ 10,349.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยประเทศผู้ลงทุนที่สำคัญ
ในอินโดนีเซีย 10 อันดับแรก เมื่อพิจารณาจากมูลค่าการลงทุน คือ
34 ประเทศไทยกับอาเซียน
สิงคโปร์ อังกฤษ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ซีเชล เมอริเชียส มาเลเซีย
ออสเตรเลีย และบราซิล ไทยเป็นประเทศผู้ลงทุนอันดับที่ 15
ของอินโดนีเซีย มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ใน 6 โครงการ
ทรัพยากรสำคัญ
น้ำมัน ถ่านหิน สัตว์น้ำ
อุตสาหกรรมหลัก
น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ สิ่งทอ เสื้อผ้า รองเท้า เหมืองแร่
ผลิตภัณฑ์นำเข้าที่สำคัญ
น้ำมัน เหล็ก ท่อเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก สิ่งทอ เคมีภัณฑ์
ผลิตภัณฑ์ส่งออกที่สำคัญ
ก๊าซธรรมชาติ แร่ธาตุ ถ่านหิน ผลิตภัณฑ์จากไม้ สิ่งทอ
ตลาดส่งออกที่สำคัญ
สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน
ตลาดนำเข้าที่สำคัญ
สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย – สาธารณรัฐอินโดนีเซีย
ไทยมีความสัมพันธ์กับดินแดนที่เป็นอินโดนีเซียในปัจจุบันมาช้านาน
โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับชวา และมีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม
กันอย่างลึกซึ้ง ทั้งทางวรรณคดี อาหาร เครื่องแต่งกาย และเครื่องดนตรี
เป็นต้น
ประเทศไทยกับอาเซียน 35
ด้านการทูต
ไทยและอินโดนีเซียได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่
7 มีนาคม 2493 ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองดำเนินไปได้
ด้วยดี มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม
ทั้งในระดับทวิภาคีและกรอบพหุภาคี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือ
ในกรอบอาเซียน นอกจากนี้ ยังมีการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับ
ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
ด้านการเมืองและความมั่นคง
ทั้งประเทศไทยและอินโดนีเซียมีประเพณีการแลกเปลี่ยนการเยือน
ของผู้นำทางทหาร โดยผู้นำทางทหารของทั้งสองประเทศจะเดินทาง
ไปทำความรู้จักกันในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ และเยี่ยมอำลาใน
โอกาสพ้นจากตำแหน่ง
ด้านเศรษฐกิจ/การค้า
ประเทศไทยและอินโดนีเซียมีกลไกความร่วมมือในรูปของ
คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ
(JC)
ข้อควรรู้
- ไม่ควรใช้มือซ้ายในการรับ-ส่งของ หรือรับประทานอาหาร
คนมุสลิมอินโดนีเซียถือว่ามือซ้ายไม่สุภาพ ไม่จับศีรษะคนอินโดนีเซีย
รวมทั้งการลูบศีรษะเด็ก
- การครอบครองยาเสพติด อาวุธ หนังสือรูปภาพอนาจาร
มีบทลงโทษหนัก อาทิ การนำเข้าและครอบครองยาเสพติด
มีโทษถึงประหารชีวิต นอกจากนั้น ยังมีบทลงโทษรุนแรงเกี่ยวกับ
การค้าและส่งออกพืชและสัตว์กว่า 200 ชนิด จึงควรตรวจสอบก่อน
ซื้อหรือนำพืชและสัตว์ออกนอกประเทศ

READ MORE

สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

|
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ลาวเป็นสมาชิกอาเซียนเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2540
ข้อมูลทั่วไป
มีชื่อเป็นทางการว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (Lao
People’s Democratic Republic) เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความ
ใกล้ชิดกับไทยทั้งในเชิงประวัติศาสตร์ ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ เชื้อชาติ
ศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม มีเขตแดนติดต่อกับประเทศไทยทั้ง
ทางบกและทางน้ำถึง 1,810 กิโลเมตร พัฒนาการต่างๆ ในลาวจึง
ส่งผลกระทบต่อไทยและการกำหนดนโยบายของไทยต่อภูมิภาคอย่าง
หลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมทั้งเป็นแหล่งป้อนวัตถุดิบ แหล่งพลังงานสำรอง
และแหล่งลงทุนของไทย เพื่อการผลิตสินค้าส่งออกไปยังประเทศที่
สามที่ให้สิทธิพิเศษทางการค้าแก่ลาว นอกจากนี้เป็นประเทศที่ไม่มี
ทางออกทางทะเล แต่สามารถเป็นจุดเชื่อมต่อ (land bridge หรือ
land link) ด้านการคมนาคมขนส่งและการส่งออกสินค้าของไทยไป
ยังประเทศที่สามในอนุภูมิภาค
พื้นที่
236,800 ตารางกิโลเมตร
ประเทศไทยกับอาเซียน 37
เมืองหลวง
นครหลวงเวียงจันทน์
ประชากร
6 ล้านคน
ภาษา
ลาว
ศาสนา
พุทธ (ร้อยละ 75) อื่นๆ (ร้อยละ 25)
วันชาติ
วันที่ 2 ธันวาคม
วันสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย
วันที่ 19 ธันวาคม 2493
การปกครอง
ระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ (ทางการลาวใช้คำว่าระบอบประชา
ธิปไตยประชาชน) โดยพรรคการเมืองเดียว คือพรรคประชาชนปฏิวัติ
ลาวซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ
มีประธานประเทศเป็นประมุข และนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล
นโยบายต่างประเทศมุ่งสร้างเสริมความสัมพันธ์แบบรอบด้านกับ
ทุกประเทศ โดยให้ความสำคัญกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นลำดับแรก ได้แก่
เวียดนาม จีน พม่า กัมพูชา และไทย รองลงมาเป็นประเทศร่วมอุดมการณ ์
ได้แก่ รัสเซีย เกาหลีเหนือ และคิวบา
38 ประเทศไทยกับอาเซียน
อากาศ
ลักษณะภูมิอากาศของลาวคล้ายกับภาคเหนือและภาคอีสานของไทย
แต่ฤดูหนาวมีอากาศหนาวมากกว่า พื้นที่ทางภาคใต้และทาง
ตอนกลางของประเทศเป็นบริเวณที่มีฝนตกชุกมากกว่าภาคเหนือ
สกุลเงิน
กีบ
ข้อมูลเศรษฐกิจ
การเพาะปลูก ภาคเกษตรกรรม มีพื้นที่เพาะปลูก 1,187,500 ไร่
และผลิตข้าวได้ 2.6 ล้านตัน/ปี
ผลิตภัณฑ์ส่งออกที่สำคัญ
ไม้ซุง ไม้แปรรูป ผลิตภัณฑ์ไม้ เศษโลหะ ถ่านหิน เสื้อผ้าสำเร็จรูป
ผลิตภัณฑ์นำเข้าที่สำคัญ
รถจักรยานยนต์ และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องอุปโภคบริโภค
ตลาดส่งออกที่สำคัญ
ไทย เวียดนาม ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เยอรมนี สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร
เนเธอร์แลนด์
ตลาดนำเข้าที่สำคัญ
ไทย จีน เวียดนาม สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เยอรมนี
ประเทศไทยกับอาเซียน 39
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ด้านการทูต
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาวในปัจจุบันดำเนินไปอย่างราบรื่น
ใกล้ชิด ทั้งสองฝ่ายได้ใช้กลไกและเวทีความร่วมมือในด้านต่างๆ ที่
จัดตั้งขึ้นทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคีผลักดันความร่วมมือและ
แก้ไขปัญหา เพื่อหาทางออกร่วมกันอย่างสันติวิธี
ด้านการเมืองและความมั่นคง
กองทัพไทยและลาวมีความสัมพันธ์ที่ดีทั้งในระดับส่วนกลางและท้องถิ่น
มีความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคงบริเวณชายแดน
ไทย-ลาว ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกับรัฐมนตรีว่า
การกระทรวงป้องกันประเทศตั้งแต่เดือนตุลาคม 2546 เพื่อเป็นกรอบ
ในการปฏิบัติงานให้ชายแดนไทย-ลาวเป็นชายแดนแห่งมิตรภาพ สันติภาพ
และความมั่นคง นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังมีความร่วมมือด้านการ
ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งมีการประชุมว่าด้วยความร่วมมือ
ด้านยาเสพติดเป็นประจำทุกปี
ด้านเศรษฐกิจ/การค้า
การค้าระหว่างประเทศทั้งสองมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไทยเป็น
ประเทศที่ลงทุนในลาวมากที่สุด นอกจากนี้ไทยได้ให้สิทธิพิเศษด้าน
ภาษีศุลกากรในการนำเข้าสินค้าเกษตรจากลาว ทั้งในรูปของการให้
สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรแก่ประเทศสมาชิกอาเซียนใหม่ และยกเว้น
อากรขาเข้าสินค้าในลักษณะ one way free trade หลายร้อยรายการตั้งแต่
ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน
40 ประเทศไทยกับอาเซียน
ด้านการท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวไทยไปลาวเพิ่มขึ้นร้อยละ 154.48 และนักท่องเที่ยวลาว
มาไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 78.84
ด้านสังคม
วัฒนธรรมและการศึกษา ไทยให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ
กับลาว ตั้งแต่ปี 2516 โดยเน้นด้านการพัฒนาบุคลากรในลักษณะ
การให้ทุนการศึกษา ทุนฝึกอบรม ดูงาน และโครงการพัฒนา
ในสาขาการเกษตร การศึกษา และสาธารณสุข ทั้งสองฝ่ายยังมี
ความร่วมมือด้านแรงงาน ทั้งการจ้างแรงงาน การคุ้มครองแรงงาน
และการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง
ข้อควรรู้
ลาว มีสายการบินเดียวคือ การบินลาว มีสนามบินทั้งหมด 52 แห่ง
มีเพียง 9 แห่งที่ลาดยาง ลาวขับรถทางขวา ธนาคารไทยในลาว
มี 5 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารทหารไทย ธนาคารไทยพาณิชย ์
ธนาคารกรุงไทย และธนาคารกรุงศรีอยุธยา

READ MORE

ราชอาณาจักรกัมพูชา

|
ราชอาณาจักรกัมพูชา
กัมพูชา เป็นสมาชิกอาเซียนเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2542
ข้อมูลทั่วไป
มีชื่อเป็นทางการว่า ราชอาณาจักรกัมพูชา (Kingdom of Cambodia)
มีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ต่อประเทศไทยในทุกๆ ด้าน เนื่องจาก
มีพรมแดนทางบกติดต่อกันยาว 798 กิโลเมตร และมีพื้นที่ทับซ้อน
ทางทะเลประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร จึงเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดทั้ง
“โอกาส” และ “ปัญหา” รวมทั้ง เป็นแหล่งวัตถุดิบ ตลาดการค้า
และแหล่งลงทุนที่สำคัญของประเทศไทย ทั้งสองประเทศจึงควร
ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์
และทางเศรษฐกิจเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันในอนาคต นอกจากนี้ยัง
เป็นจุดเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่สำคัญระหว่าง
ประเทศไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและตอนใต้
พื้นที่
181,035 ตารางกิโลเมตร
เมืองหลวง
กรุงพนมเปญ
ประชากร
14.45 ล้านคน
ประเทศไทยกับอาเซียน 29
ภาษา
เขมรเป็นภาษาราชการ ส่วนภาษาที่ใช้โดยทั่วไป ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส
เวียดนาม จีน และไทย
ศาสนา
พุทธ นิกายเถรวาท อิสลาม และคริสต์
วันชาติ
วันที่ 9 พฤศจิกายน
วันสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทย
วันที่ 19 ธันวาคม 2493
การปกครอง
ระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
อากาศ ร้อนชื้น
มีฤดูฝนยาวนาน อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 20 - 36 องศาเซลเซียส
สกุลเงิน
เรียล
ข้อมูลเศรษฐกิจ
รัฐบาลกัมพูชาให้ความสำคัญอย่างสูงสุดต่อการกำหนดยุทธศาสตร์
การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพื่อมุ่งขจัดความยากจน
ยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่
ชนบทให้ดีขึ้น
30 ประเทศไทยกับอาเซียน
ผลิตภัณฑ์ส่งออกหลัก
เสื้อผ้า สิ่งทอเหล็ก รองเท้า ปลาไม้ ยางพารา บุหรี่ และข้าว
ผลิตภัณฑ์นำเข้าสำคัญ
ผลิตภัณฑ์ ปิโตรเลียม วัสดุก่อสร้าง เครื่องจักรยานพาหนะ
และเครื่องใช้ไฟฟ้า
ตลาดส่งออกที่สำคัญ
สหรัฐอเมริกา เยอรมนี สหราชอาณาจักร แคนาดา และเวียดนาม
ตลาดนำเข้าที่สำคัญ
จีน ฮ่องกง เวียดนาม ไทย ไต้หวัน
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย - ราชอาณาจักรกัมพูชา
ด้านการเมืองและความมั่นคง
ผู้นำไทยกับกัมพูชามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและมีการแลกเปลี่ยน
การเยือนระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งมีส่วนช่วยให้ความร่วมมือ
ระหว่างสองประเทศดำเนินไปอย่างราบรื่น และสามารถแก้ไขปัญหาและ
อุปสรรคต่าง ๆ ได้แต่ยังคงมีประเด็นปัญหาที่ต้องร่วมมือแก้ไข เช่น
การปักปันเขตแดน เป็นต้น
ด้านเศรษฐกิจ/การค้า/การลงทุน
การลงทุนของไทยในกัมพูชาสูงเป็นลำดับ 5 การลงทุนที่สำคัญของไทย
คือ ด้านการเกษตร ด้านอุตสาหกรรมและภาคบริการ เช่น โรงแรม
ท่องเที่ยว ร้านอาหาร และธุรกิจโทรคมนาคม เป็นต้น
ประเทศไทยกับอาเซียน 31
ด้านสังคม วัฒนธรรมและการศึกษา
ไทยกับกัมพูชามีความคล้ายคลึงกันทางด้านศิลปวัฒนธรรมอย่างมาก
จึงเป็นเรื่องง่ายที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายจะใช้ความร่วมมือด้านวัฒนธรรม
เป็นสื่อกลาง ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมไทย – กัมพูชาเพื่อ
ส่งเสริมความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและใช้เป็นกลไกในการกระชับ
ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ และยังได้จัดตั้ง
คณะอนุกรรมการด้านวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และการท่องเที่ยว
เพื่อผลักดันความร่วมมือในแต่ละสาขาด้วย นอกจากนี้ ไทยกับกัมพูชา
ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสารสนเทศ
และการกระจายเสียง
ด้านแรงงาน
ไทยกับกัมพูชาได้จัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือใน
การจ้างแรงงาน และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการขจัด
การค้าเด็กและผู้หญิงและการช่วยเหลือเหยื่อจากการค้ามนุษย์
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2546 เพื่อจัดระเบียบและแก้ไขปัญหา
แรงงานข้ามแดนโดยผิดกฎหมายชาวกัมพูชาในไทยรวมทั้งป้องกันและ
ปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์
ข้อควรรู้
- ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยสามารถขอตรวจลงตราเข้ากัมพูชา
ได้จากสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาในไทย โดยเสียค่าธรรมเนียม
1,000 บาท หรือขอตรวจลงตรานักท่องเที่ยว หรือผู้เดินทางผ่านได้เมื่อ
เดินทางถึงท่าอากาศยานกรุงพนมเปญ โดยกรอกแบบฟอร์ม Visa on
Arrival พร้อมยื่นรูปถ่ายและค่าธรรมเนียม 20 ดอลลาร์สหรัฐ
- ผู้ที่เดินทางเข้ากัมพูชา และประสงค์จะอยู่ทำธุรกิจเป็น
ระยะเวลาเกิน 3 เดือน ควรฉีดยาป้องกันโรคไทฟอยด์ และไวรัสเอ
และบี และกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนที่สถานเอกอัครราชทูตไทย
เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อและให้ความช่วยเหลือได้ในกรณีฉุกเฉิน

READ MORE

บรูไนดารุสซาลาม

|
ประเทศไทยกับอาเซียน 23
ประเทศสมาชิกอาเซียน
บรูไนดารุสซาลาม
บรูไนฯ เป็นสมาชิกอาเซียน เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2527
ข้อมูลทั่วไป
มีชื่อเป็นทางการว่า เนการาบรูไนดารุสซาลาม (Negara Brunei
Darussalam) ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว มีน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ
มีความต้องการนำเข้าสินค้าเกษตรและแรงงาน มีนักท่องเที่ยวที่มี
กำลังซื้อสูง และส่งเสริม Medical Tourism เริ่มพิจารณาขยาย
การค้าการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลายในภูมิภาคต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับประเทศไทยในการเพิ่มการค้า การลงทุนกับบรูไนฯ
และร่วมกันเข้าไปลงทุนในประเทศที่สามมากขึ้น
พื้นที่
5,765 ตารางกิโลเมตร
เมืองหลวง
บันดาร์เสรีเบกาวัน
ประชากร
381,371 คน
24 ประเทศไทยกับอาเซียน
ภาษา
มาเลย์ เป็นภาษาราชการ รองลงมาเป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีน
ศาสนา
อิสลาม (ร้อยละ 67) พุทธ (ร้อยละ 13) คริสต์ (ร้อยละ 10)
และฮินดู (ร้อยละ 10)
วันชาติ
วันที่ 23 กุมภาพันธ์
วันสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย
วันที่ 1 มกราคม 2527
การปกครอง
ระบอบกษัตริย์ มีสมเด็จพระราชาธิบดีเป็นประมุขของรัฐและเป็น
นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม และรักษาการรัฐมนตรีการคลังด้วย
อากาศ
อากาศโดยทั่วไปค่อนข้างร้อนชื้น มีปริมาณฝนตกค่อนข้างมาก
อุณหภูมิเฉลี่ย 28 องศาเซลเซียส
สกุลเงิน
ดอลลาร์บรูไน (เงินดอลลาร์บรูไนมีมูลค่าเท่ากับเงินดอลลาร์สิงคโปร์
และสามารถใช้แทนกันได้)
ข้อมูลเศรษฐกิจ
ประเทศบรูไนฯ ส่งออกน้ำมันถึงร้อยละ 90 รายได้ประชากรต่อหัว
25,200 ดอลลาร์สหรัฐ แต่น้ำมันสำรองจะเหลืออยู่อีกประมาณ 25 ปี
ประเทศไทยกับอาเซียน 25
หากไม่พบแหล่งน้ำมันใหม่ในอนาคต จึงเริ่มกระจายการผลิต
และส่งเสริมอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น สินค้าเกษตร ประมง และเสื้อผ้า
นอกเหนือจากการผลิตน้ำมัน
ทรัพยากรธรรมชาติ
น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ
ผลิตภัณฑ์ส่งออกหลัก
น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ
ผลิตภัณฑ์นำเข้าที่สำคัญ
เครื่องจักรอุตสาหกรรม รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าเกษตร อาทิ
ข้าวและผลไม้
ตลาดส่งออกที่สำคัญ
ญี่ปุ่น อาเซียน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย
ตลาดนำเข้าที่สำคัญ
อาเซียน สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย – บรูไนดารุสซาลาม
ไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับบรูไนฯ เมื่อวันที่ 1 มกราคม
2527 ทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและมีทัศนคติที่ดีต่อกัน
มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับราชวงศ์และผู้นำระดับสูงอย่าง
สม่ำเสมอ และเป็นพันธมิตรในเรื่องต่างๆ ทั้งในกรอบอาเซียนและ
กรอบสหประชาชาติ
26 ประเทศไทยกับอาเซียน
ด้านการเมืองและความมั่นคง
ไทยและบรูไนฯ มีทัศนะทางด้านการทหารและความมั่นคงที่สอด
คล้องกัน และมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้นำระดับสูงของ
กองทัพของทั้งสองประเทศ
ด้านเศรษฐกิจ/การค้า
บรูไนฯ กำลังพยายามเปลี่ยนแปลงจากเศรษฐกิจที่พึ่งพาน้ำมันเป็นหลัก
ไปสู่การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายมากขึ้น
จากเดิมที่เน้นนโยบายให้สวัสดิการ มาเป็นการส่งเสริมการลงทุนจาก
ต่างประเทศ และแปรรูปรัฐวิสาหกิจต่างๆ โดยให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วม
บรูไนฯ เป็นคู่ค้าลำดับที่ 56 ของไทย สินค้าที่บรูไนฯ ส่งออกมาประเทศไทย
ได้แก่ น้ำมันดิบ สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ สินแร่โลหะอื่นๆ
เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ วัสดุทำจากยาง
สิ่งพิมพ์ ผลิตภัณฑ์กระดาษ แร่และผลิตภัณฑ์จากแร่และเครื่องใช้
เบ็ดเตล็ด สินค้าส่งออกของประเทศไทย คือ รถยนต์ อุปกรณ์และ
ส่วนประกอบ ข้าว เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป
น้ำตาลทราย ปูนซิเมนต์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์เซรามิก
เครื่องจักรกล และส่วนประกอบเครื่องจักรกลและเครื่องคอมพิวเตอร์
ด้านการท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวบรูไนฯเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยเป็นนักท่องเที่ยวที่มี
การใช้จ่ายสูงและมีศักยภาพ
ด้านสังคมวัฒนธรรมและการศึกษา
ไทยและบรูไนฯ ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ
ในทวิภาคีด้านสารสนเทศและการกระจายเสียงและภาพ เพื่อเป็น
การส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือด้านข้อมูลข่าวสารและประชาสัมพันธ์
การแลกเปลี่ยนรายการวิทยุ โทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์ที่มีสาระ
ประเทศไทยกับอาเซียน 27
ตลอดจนการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารอันจะส่งผลให้เกิดความเข้าใจ
อันดีระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ
ด้านการศึกษา
ปัจจุบันมีนักศึกษาไทยที่ไปเรียนในมหาวิทยาลัยบรูไนฯ ทั้งโดยทุน
รัฐบาลไทยและบรูไนฯ และมีนักศึกษามุสลิมจากจังหวัดชายแดนภาคใต้
ที่ได้รับทุนจากทางการบรูไนฯ ให้ไปเรียนทางด้านรัฐศาสตร์และ
การศาสนา ซึ่งมีทั้งหญิงและชาย แต่ก็มีนักศึกษาหลายคนที่บริษัท
เอกชนในประเทศไทยส่งไปเรียนวิชาทั่วไป
ข้อควรรู้
- ประชาชนของประเทศในกลุ่มอาเซียนสามารถทำวีซ่าที่
จุดตรวจคนเข้าเมืองในประเทศบรูไนฯได้ตามข้อตกลงของกลุ่มอาเซียน
มีระยะเวลาอยู่ในบรูไนฯได้ 2 สัปดาห์
- สินค้าที่ขัดกับข้อกำหนดฮาลาล ได้แก่ เนื้อไก่สด/แช่แข็ง
(ที่ไม่ได้เชือดโดยชาวมุสลิม) สินค้าที่ขัดกับประเพณี และขนบธรรมเนียม
อันดีงาม ได้แก่ ภาพและสิ่งพิมพ์ลามกอนาจาร เป็นต้น สินค้าที่ขัด
กับหลักข้อปฏิบัติของศาสนาอิสลาม เช่น เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์
และสินค้าที่ขัดกับกฎหมายระหว่างประเทศต่างๆ เช่น กฎหมายที่ให้
ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เช่น สินค้าปลอม รวมทั้งสินค้า
ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานด้านสุขอนามัย
- สตรีชาวบรูไนฯ จะแต่งกายมิดชิด นุ่งกระโปรงยาวเสื้อแขนยาว
และมีผ้าโพกศีรษะ คนต่างชาติจึงไม่ควรนุ่งกระโปรงสั้นและใส่เสื้อไม่มีแขน
ควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าสีเหลืองเพราะถือเป็นสีของพระมหากษัตริย์
- การทักทายจะจับมือกันเบาๆ และสตรีจะไม่ยื่นมือให้บุรุษจับ
การใช้นิ้วชี้ไปที่คนหรือสิ่งของถือว่าไม่สุภาพ แต่จะใช้หัวแม่มือชี้แทน
และจะไม่ใช้มือซ้ายในการส่งของให้ผู้อื่น สตรีเวลานั่งจะไม่ให้เท้าชี้
ไปทางผู้ชายและไม่ส่งเสียงหรือหัวเราะดัง

READ MORE

กลไกการบริหารของอาเซียน (2)

|

สมาชิกจะแต่งตั้งผู้แทนระดับเอกอัครราชทูตเพื่อทำหน้าที่เป็น
คณะผู้แทนถาวรประจำอาเซียน ที่กรุงจาการ์ตา ซึ่งเป็นคนละคนกับ
เอกอัครราชทูตประจำกรุงจาการ์ตา ทำหน้าที่แทนคณะกรรมาธิการ
อาเซียน โดยคณะผู้แทนถาวรประจำอาเซียนจะมีบทบาทสำคัญสอง
ด้าน ได้แก่ การเป็นผู้แทนของประเทศสมาชิกและการเป็นผู้แทนของ
อาเซียน ซึ่งจะเป็นเรื่องการสนับสนุนคณะมนตรีประชาคมอาเซียน
และองค์กรความร่วมมือเฉพาะด้านต่างๆ การประสานงานกับสำนัก
เลขาธิการอาเซียน เลขาธิการอาเซียน และสำนักเลขาธิการอาเซียน
แห่งชาติของแต่ละประเทศสมาชิก และการส่งเสริมความร่วมมือ
กับประเทศคู่เจรจา
7. สำนักเลขาธิการอาเซียนแห่งชาติ (ASEAN National
Secretariat) จัดตั้งโดยประเทศสมาชิกแต่ละประเทศ เพื่อเป็นจุด
ประสานงานในการประสานงานและสนับสนุนภารกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
กับอาเซียนภายในประเทศ รวมทั้งการเตรียมการประชุมต่างๆ ของอาเซียน
ตลอดจนเป็นศูนย์กลางเก็บรักษาข้อมูลเกี่ยวกับอาเซียนด้วย
8. องค์กรสิทธิมนุษยชนของอาเซียน (ASEAN Human Rights
Body- AHRB) มีหน้าที่ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในภูมิภาค
โดยจะมีการตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญขึ้นมายกร่างเอกสารกำหนดขอบเขต
อำนาจหน้าที่ (Term Reference) ขององค์กรดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้
ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศได้ให้แนวทางว่า อำนาจหน้าที่ขององค์กร
สิทธิมนุษยชนอาเซียนไม่ควรจำกัดแค่การให้คำปรึกษา แต่ควรรวมถึง
การติดตามและประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในภูมิภาค
การส่งเสริมการศึกษาและการตื่นตัวของหน่วยงานภาครัฐและ
ประชาชนด้วย
9. มูลนิธิอาเซียน (ASEAN Foundation) มีหน้าที่สนับสนุน
เลขาธิการอาเซียนและประสานงานกับองค์กรอื่นๆ ของอาเซียน
ในการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับอาเซียน ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่าง
ประชาชนและความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้เสียต่างๆ ของอาเซียน

READ MORE

กลไกการบริหารของอาเซียน

|
กลไกการบริหารของอาเซียน (Organs)
1. ที่ประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) เป็นองค์กร
สูงสุดในการกำหนดนโยบาย และมีการประชุมปีละ 2 ครั้ง มีหน้าที่
1) ให้แนวนโยบายและตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ 2) สั่งการให้มีการประชุม
ระดับรัฐมนตรีเป็นการเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ
เสาหลักต่างๆ มากกว่า 1 เสา 3) ดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
ที่กระทบต่ออาเซียน 4) ตัดสินข้อพิพาทระหว่างรัฐสมาชิก กรณีที่ไม่
อาจหาข้อยุติในข้อขัดแย้งได้ หรือมีการไม่ปฏิบัติตามคำตัดสินของ
กลไกระงับข้อพิพาท 5) ตั้งหรือยุบองค์กรอาเซียน 6) แต่งตั้ง
เลขาธิการอาเซียน
2. คณะมนตรีประสานงานอาเซียน (ASEAN Coordinating
Council) ประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ของประเทศสมาชิกอาเซียน ทำหน้าที่เตรียมการประชุมสุดยอด
อาเซียน ประสานงานระหว่าง 3 เสาหลัก เพื่อความเป็นบูรณาการใน
การดำเนินงานของอาเซียน และแต่งตั้งรองเลขาธิการอาเซียน
3. คณะมนตรีประชาคมอาเซียน (ASEAN Community
Council) สำหรับ 3 เสาหลักของประชาคมอาเซียน ประกอบด้วย
ผู้แทนที่แต่ละประเทศสมาชิกแต่งตั้งเพื่อทำหน้าที่ประสานงานและ
ติดตามการดำเนินงานตามแนวนโยบายของผู้นำทั้งในเรื่องที่อยู่ภายใต้
เสาหลักของตน และเรื่องที่เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหลาย
เสาหลัก และเสนอรายงานและข้อเสนอแนะในเรื่องที่อยู่ภายใต้การ
ดูแลของตนต่อผู้นำ
4. องค์กรระดับรัฐมนตรีอาเซียนเฉพาะสาขา (ASEAN
Sectoral Ministerial Bodies) จัดตั้งโดยที่ประชุมสุดยอดอาเซียน
มีหน้าที่หลัก คือ 1) ดำเนินการตามอาณัติที่มีอยู่แล้ว 2) นำความ
ตกลงและมติของผู้นำไปปฎิบัติ 3) เสริมสร้างความร่วมมือเพื่อ
สนับสนุนการสร้างประชาคมอาเซียน 4) เสนอรายงานและข้อเสนอแนะ

ต่อคณะมนตรีประชาคมอาเซียนที่เหมาะสม และ 5) สามารถมี
เจ้าหน้าที่อาวุโส หรือองค์กรย่อยเพื่อสนับสนุนการทำงานได้
5. สำนักเลขาธิการอาเซียน (ASEAN Secretariat) อยู่ภายใต้
บังคับบัญชาของเลขาธิการอาเซียน (Secretary General of ASEAN)
ซึ่งมีบทบาทมากขึ้นโดยนอกจากจะเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่
ฝ่ายบริหารของอาเซียนแล้ว เลขาธิการอาเซียนจะมีบทบาทในการ
ติดตามการปฏิบัติตามคำตัดสินของกลไกระงับข้อพิพาทและรายงาน
ตรงต่อผู้นำ และสนับสนุนการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างองค์กรของอาเซียน
กับภาคประชาสังคม ทั้งนี้ ให้มีรองเลขาธิการอาเซียน (Deputy
Secretary General) 4 คน โดย 2 คนจะมาจากการหมุนเวียนตาม
ลำดับตัวอักษรประเทศ มีวาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปี และอีก 2
คนมาจากการคัดเลือกตามความสามารถ มีวาระการดำรงตำแหน่ง
3 ปี และอาจได้รับการต่ออายุได้อีก 1 วาระ
6. คณะผู้แทนถาวรประจำอาเซียน (Committee of Permanent
Representatives (CPR) to ASEAN) ที่กรุงจาการ์ตา โดยประเทศ

READ MORE

กฎบัตรอาเซียน (2)

| วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555
DSM ไว้แล้ว ก็ให้ใช้ DSM นั้น 5) หากข้อขัดแย้งไม่เกี่ยวข้องกับ
ความตกลงของอาเซียนฉบับใดให้ใช้กลไกคณะอัครมนตรีที่จัดตั้งโดย
สนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
6) หากไม่อาจหาข้อยุติในข้อขัดแย้งได้ อาจยกเรื่องให้ที่ประชุมสุดยอด
อาเซียนตัดสิน 7) ให้เลขาธิการอาเซียนติดตามตรวจสอบการปฎิบัติ
ตามคำแนะนำ/คำตัดสินจาก DSM ของประเทศสมาชิก
และจัดทำรายงานเสนอผู้นำ 8) กำหนดให้นำเรื่องการไม่ปฎิบัติตาม
คำแนะนำ/คำตัดสินจาก DSM ให้ผู้นำพิจารณา และ 9) กฎบัตร
ไม่ตัดสิทธิของประเทศสมาชิกที่จะใช้รูปแบบการระงับข้อพิพาทตาม
กฎบัตรสหประชาชาติหรือกฏหมายระหว่างประเทศอื่น
บทที่ 9 งบประมาณและการเงิน (Budget and Finance)
ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการงบประมาณที่เป็นไปตามมาตรฐาน
สากลและสามารถตรวจสอบได้ และกำหนดเรื่องงบการบริหารงาน
ของสำนักเลขาธิการอาเซียน ซึ่งรัฐสมาชิกจะจ่ายเงินสนับสนุนเท่าๆ กัน
ตามที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และสามารถรับเงินสนับสนุนจากประเทศคู่
เจรจาได้ แต่จะต้องไม่มีเงื่อนไขพิเศษ ทั้งนี้ กฎบัตรมิได้ระบุเรื่อง
กองทุนพิเศษต่างๆ เพื่อการดำเนินการของอาเซียน อาทิ การดำเนิน
กิจกรรมความร่วมมือ การลดช่องว่างการพัฒนา ฯลฯ เพราะเป็นเรื่องที่
จะต้องมีการศึกษาและกำหนดวิธีระดมทุนที่เหมาะสมต่อไป
บทที่ 10 การบริหารงานและกระบวนการ (Administration
and Procedure) 1) กำหนดให้ประธานของที่ประชุมสุดยอดอาเซียน
คณะมนตรีประสานงานอาเซียน คณะมนตรีประชาคมอาเซียน
และคณะผู้แทนถาวรประจำอาเซียน ตลอดจนองค์กรระดับรัฐมนตรี
อาเซียนเฉพาะสาขาและองค์กรเจ้าหน้าที่อาวุโสตามที่เหมาะสม
มาจากประเทศเดียวกัน (Single Chairmanship) เพื่อส่งเสริมให้การ
ทำงานเป็นเอกภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน 2) การเพิ่มบทบาท

ประธานในการ (ก) เป็นผู้ส่งเสริมผลประโยชน์ของอาเซียนและเป็น
ผู้ผลักดันการสร้างประชาคมอาเซียน (ข) เป็นผู้ส่งเสริมความเป็น
ศูนย์กลางของอาเซียนในแง่การนำนโยบายของอาเซียนเข้าไปผนวก
ไว้ในนโยบายระดับชาติของรัฐสมาชิก และการส่งเสริมบทบาทของ
อาเซียนในการดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศภายนอกภูมิภาค และ
(ค) ทำให้อาเซียนสามารถจัดการวิกฤตการณ์และสถานการณ์เร่งด่วน
ที่มีผลกระทบต่ออาเซียนได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ
บทที่ 11 อัตลักษณ์และสัญลักษณ์ของอาเซียน (Identity
and Symbols) กำหนดให้อาเซียน มีหน้าที่ในการส่งเสริม 1) อัตลักษณ ์
ซึ่งหมายถึงการสร้างความรู้สึกในการเป็นเจ้าของอาเซียนในหมู่ประชาชน
และ 2) สัญลักษณ์ ได้แก่ คำขวัญ (วิสัยทัศน์เดียว อัตลักษณ์เดียว
ประชาคมเดียว) ธงและดวงตราอาเซียน วันอาเซียน (วันที่ 8 สิงหาคม
ของทุกปี) และเพลงอาเซียน
บทที่ 12 ความสัมพันธ์กับภายนอก (External Relations)
มีหลักการสำคัญ ดังนี้ 1) ให้อาเซียนเป็นผู้ผลักดันหลักในการรวม
กลุ่มระดับภูมิภาคที่อาเซียนริเริ่มขึ้น และเน้นการเป็นศูนย์กลางของ
อาเซียนในโครงสร้างความสัมพันธ์ระดับภูมิภาค 2) ให้ประเทศ
สมาชิกพยายามหาท่าทีร่วมในเวทีระหว่างประเทศต่างๆ 3) กำหนด
ให้ประเทศผู้ประสานงาน (Country Coordinator) มีหน้าที่ประสานงาน
ความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา หรือองค์กร
ระหว่างประเทศอื่น โดยมีคณะกรรมการอาเซียนในประเทศที่ 3
หรือองค์กรระหว่างประเทศ (ASEAN Committees in Third
Countries and International Organizations) เป็นผู้สนันสนุนการทำงาน
โดยเฉพาะการส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศที่คณะกรรมการนั้น

ตั้งอยู่ 4) ให้รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในฐานะองค์กรความร่วมมือ
เฉพาะสาขาเป็นผู้ดูแลความสอดคล้องและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ของการดำเนินความสัมพันธ์ภานนอกของอาเซียน 5) ให้อำนาจคณะ
มนตรีประสานงานอาเซียนแต่เพียงองค์กรเดียวในการกำหนด
สถานะความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับประเทศหรือองค์กรภายนอก
โดยที่ประชุมรัฐมนตรีอื่นๆ สามารถเชิญประเทศหรือองค์กรภายนอก
เจ้าร่วมกิจกรรมได้เป็นครั้งคราว และ 6) ให้การรับรองเอกอัครราชทูต
ที่ประเทศอื่นแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนประจำอาเซียน
บทที่ 13 บทบัญญัติทั่วไปและบทบัญญัติสุดท้าย (General
and Final Provisions) กำหนดเรื่องพันธกรณีของประเทศสมาชิก
ในการปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้กฎบัตร และความตกลงต่างๆ
ของอาเซียน การมีผลใช้บังคับของกฎบัตรเมื่อทุกประเทศให้สัตยาบัน
การภาคยานุวัติของประเทศสมาชิกใหม่ ซึ่งเป็นที่เข้าใจว่าจะเปิดให้
เฉพาะประเทศติมอร์เลสเตเท่านั้น การแก้ไขกฎบัตร การทบทวนกฎบัตร
5 ปี หลังจากกฎบัตรมีผลใช้บังคับหรือตามที่ผู้นำกำหนด การตีความ
กฎบัตร ซึ่ง HLTF จะต้องหารือเรื่องกลไกที่เหมาะสมต่อไป
การกำหนดให้ความตกลงอาเซียนที่มีอยู่ในปัจจุบันมีผลใช้บังคับต่อไป
และให้กฎบัตรมีผลเหนือกว่าความตกลงในกรณีที่มีความขัดแย้งกัน
กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของอาเซียน
กฎบัตรอาเซียนมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2551
กล่าวคือ หลังจากที่ประเทศสมาชิกครบทั้ง 10 ประเทศ ได้ให้สัตยาบัน
กฎบัตร และการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 ระหว่างวันที่
28 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2552 ที่จังหวัดเพชรบุรี ประเทศไทย
เป็นการประชุมระดับผู้นำอาเซียนครั้งแรกหลังจากกฎบัตรมีผลบังคับใช้

READ MORE

กฎบัตรอาเซียน

|
กฎบัตรอาเซียน (ASEAN Charter)
ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 13 เมื่อปี 2550
ที่ประเทศสิงคโปร์ ผู้นำอาเซียนได้ลงนาม ในกฎบัตรอาเซียน ซึ่งเปรียบ
เสมือนธรรมนูญของอาเซียนที่จะวางกรอบทางกฎหมายและโครงสร้าง
องค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของอาเซียนในการดำเนินการตามวัตถุ
ประสงค์และเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขับเคลื่อนการรวม
ตัวเป็นประชาคมอาเซียนภายในปี 2558 ตามที่ผู้นำอาเซียนได้ตกลงกันไว้
โดยวัตถุประสงค์ของกฎบัตรคือ ทำให้อาเซียนเป็นองค์การที่มี
ประสิทธิภาพ มีประชาชนเป็นศูนย์กลางและเคารพกฎกติกาในการ
ทำงานมากขึ้น นอกจากนี้ กฎบัตรอาเซียนจะเป็นสถานะนิติบุคคล
แก่อาเซียนในฐานะที่เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาล (Intergovernmental
Organization)
จุดเด่นประการหนึ่งของกฎบัตรอาเซียน คือ การที่ข้อบทต่างๆ
ถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้อาเซียนเป็นองค์กรที่ประชาชนเข้าถึงและ
เอื้อประโยชน์ต่อประชาชนในประเทศสมาชิกมากยิ่งขึ้น กฎบัตรอาเซียน
ประกอบด้วยบทบัญญัติ 13 บท รวม 55 ข้อย่อย อาจสรุปบทบัญญัติ
ที่สำคัญของกฎบัตรอาเซียนได้ ดังนี้
บทที่ 1 เป้าหมายและหลักการ (Purposes and Principles)
ระบุเป้าหมายของอาเซียนและหลักการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่าง
รัฐสมาชิก ได้แก่ เป้าหมายการส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ ความ
สามารถในการแข่งขันของภูมิภาค ความกินดีอยู่ดีของประชาชน
ความมั่นคงของมนุษย์ การส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การเมือง
สังคมและวัฒนธรรม การลดช่องว่างของการพัฒนาการส่งเสริม
ประชาธิปไตย การเคารพสิทธิมนุษยชน การพัฒนาอย่างยั่งยืน
สิ่งแวดล้อม การศึกษา ยาเสพติด การสร้างอัตลักษณ์อาเซียน เป็นต้น
ส่วนหลักการ ได้แก่ เรื่องอำนาจอธิปไตย การไม่แทรกแซงกิจการภายใน
หลักนิติธรรมและธรรมาภิบาล และการเคารพความแตกต่าง เป็นต้น
บทที่ 2 สถานะบุคคล (Legal Personality) ให้อาเซียน
มีสถานะบุคคล
บทที่ 3 สมาชิกภาพ (Membership) กำหนดกฎเกณฑ์และ
กระบวนการในการรับสมาชิกใหม่ เช่น ต้องเป็นประเทศที่อยู่ในภูมิภาค
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้รับการรับรองจากประเทศสมาชิก
อาเซียนและต้องยินยอมผูกพันตามกฎบัตรและสามารถปฏิบัติตาม
พันธกรณีของรัฐสมาชิก รวมทั้งกำหนดสิทธิและหน้าที่ของรัฐสมาชิก
ไว้กว้างๆ คือรัฐสมาชิกจะมีสิทธิและหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในกฎบัตร
และความตกลงต่างๆ ของอาเซียน รวมถึงหน้าที่ในการออกกฎหมาย
ภายในเพื่อรองรับพันธกรณีด้วย
บทที่ 4 องค์กรของอาเซียน (Organs) ประกอบด้วย
1. ที่ประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit)
เป็นองค์กรสูงสุดในการกำหนดนโยบายและมีการประชุมปีละ 2 ครั้ง
2. คณะมนตรีประสานงานอาเซียน (ASEAN
Coordinating Council) ประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
การต่างประเทศของประเทศสมาชิกอาเซียน ทำหน้าที่เตรียม
การประชุมสุดยอดอาเซียน ประสานงานระหว่าง 3 เสาหลัก เพื่อ
ความเป็นบูรณาการในการดำเนินงานของอาเซียน และแต่งตั้ง
รองเลขาธิการอาเซียน
3. คณะมนตรีประชาคมอาเซียน (ASEAN
Community Council) สำหรับ 3 เสาหลักของประชาคมอาเซียน
ประกอบด้วยผู้แทนที่แต่ละประเทศสมาชิกแต่งตั้งเพื่อทำหน้าที่
ประสานงานและติดตามการดำเนินงานตามแนวนโยบายของผู้นำทั้งใน
เรื่องที่อยู่ภายใต้เสาหลักของตน และเรื่องที่เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้อง
กับหลายเสาหลัก และเสนอรายงานและข้อเสนอแนะในเรื่องที่อยู่
ภายใต้การดูแลของตนต่อผู้นำ

บทที่ 6 เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูต (Immunities
and Privileges) ระบุหลักการกว้างๆ ในการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกัน
ทางการทูตแก่ 1) สำนักเลขาธิการอาเซียนและองค์กรอื่นๆ
ของอาเซียน 2) เลขาธิการอาเซียนและเจ้าหน้าที่ของสำนักเลขาธิการ
อาเซียน และ 3) ผู้แทนถาวรของรัฐสมาชิก ณ กรุงจาการ์ตา และ
ผู้แทนของรัฐสมาชิกที่เข้าร่วมกิจกรรมของอาเซียน เช่น เดินทางไปประชุม
เป็นต้น โดยรายละเอียดให้เป็นไปตามข้อตกลงแยกต่างหากจากกฎบัตร
บทที่ 7 กระบวนการตัดสินใจ (Decision Making) หลักทั่วไป
คือ ฉันทามติ (Consensus) แต่มีข้อยกเว้นได้แก่ 1) กรณีที่ไม่มีแนวทางมติ
อาจส่งเรื่องให้ผู้นำตกลงกันว่าจะใช้วิธีการใดตัดสิน 2) กรณีที่มี
ข้อตกลงอื่นๆ ของอาเซียนอนุญาตให้ใช้วิธีการอื่นตัดสินใจได้ เช่น
ปัจจุบันมีสนธิสัญญาว่าด้วยเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในภูมิภาคเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้ ที่ให้ใช้คะแนนเสียง 2 ใน 3 ได้ และ 3) กรณีที่
มีการละเมิดพันธกรณีตามกฎบัตรอย่างร้ายแรง ผู้นำมีอำนาจตัดสินใจ
ด้วยวิธีการใดๆ ตามที่จะตกลงกันเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษ
นอกจากนี้ ยังให้มีความยืดหยุ่นในการผูกพันตามข้อตกลงต่างๆ
โดยใช้สูตรอาเซียน ลบ X (ASEAN minus X สำหรับความตกลงทาง
เศรษฐกิจ ซึ่งหมายความว่าหากประเทศสมาชิกทุกประเทศมีฉันทามติ
เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ แล้ว ประเทศที่ยังไม่พร้อมก็อาจเลือกที่จะยังไม่
เข้าร่วมได้
บทที่ 8 การระงับข้อพิพาท (Settlement of Disputes)
1) กำหนดในหลักการให้มีกลไกระงับข้อพิพาท (Dispute Settlement
Mechanism- DSM) สำหรับทุกเสาหลัก 2) ใช้การปรึกษาหารือและ
การเจรจาในการระงับข้อพิพาทเป็นอันดับแรก 3) ให้คู่พิพาทสามารถ
เลือกใช้กระบวนการไกล่เกลี่ย โดยอาจขอให้ประธานอาเซียนหรือ
เลขาธิการอาเซียนเป็นผู้ไกล่เกลี่ยได้ 4) หากความตกลงเฉพาะกำหนด


READ MORE

เพลงประจำอาเซียน

|
เพลงประจำอาเซียน (ASEAN Anthem) การจัดทำเพลงประจำอาเซียน เป็นการดำเนินการตามข้อ 40 ของกฎบัตรอาเซียนที่กำหนดให้อาเซียน “มีเพลงประจำอาเซียน”ในปี 2551 ประเทศไทยได้รับความไว้วางใจจากประเทศสมาชิกอาเซียน ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเพลงประจำอาเซียน ซึ่งได้จัด
เป็นการแข่งขันแบบเปิดให้ประชาชนในประเทศสมาชิกอาเซียนที่สนใจส่งเพลงของตนเองเข้าประกวด (open competition) โดยมีหลักเกณฑ์ 5 ประการ ได้แก่
1. มีเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ
2. มีลักษณะเป็นเพลงชาติประเทศสมาชิกอาเซียน
3. มีความยาวไม่เกิน 1 นาที
4. เนื้อร้องสะท้อนความเป็นหนึ่งเดียวของอาเซียนและ
ความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรมและเชื้อชาติ
5. เป็นเพลงที่แต่งขึ้นใหม่

     กระทรวงการต่างประเทศ เป็นเจ้าภาพจัดการประกวดแข่งขันเพลงประจำอาเซียนในระดับภูมิภาค การแข่งขันรอบแรกมีขึ้นเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2551 ที่โรงแรม Pullman Bangkok King Power
มีกรรมการจากประเทศสมาชิกอาเซียนประเทศละ 1 คน ในส่วนของประเทศไทย ฯพณฯ องคมนตรี พล.ร.อ. อัศนี ปราโมช ได้ให้เกียรติรับเป็นกรรมการฝ่ายไทยและทำหน้าที่ประธานการประชุมคัดเลือกเพลงคณะกรรมการได้คัดเลือกเพลงจำนวน 10 เพลง จาก 99 เพลงที่ส่งเข้าประกวดจากทุกประเทศสมาชิกอาเซียน (เป็นเพลงที่แต่งโดยชาวไทย 11 เพลง) และการแข่งขันรอบตัดสินมีขึ้นเมื่อวันที่ 20
พฤศจิกายน 2551 คณะกรรมการตัดสินประกอบด้วยกรรมการชุดเดิมจากอาเซียนจำนวน 10 คน และจากนอกอาเซียนอีก 3 คนคือ ประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐประชาชนจีน และเครือรัฐออสเตรเลีย
ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์เลือกเพลง ASEAN Way ของไทยที่แต่งโดยนายกิตติคุณ สดประเสริฐ (ทำนองและเรียบเรียง) นายสำเภาไตรอุดม (ทำนอง) และ นางพะยอม วลัยพัชรา (เนื้อร้อง)
ให้เป็นเพลงประจำอาเซียน และได้ใช้บรรเลงอย่างเป็นทางการในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2552การมีเพลงประจำอาเซียนถือว่ามีความสำคัญต่ออาเซียนเป็น
อย่างยิ่ง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเสริมสร้างอัตลักษณ์ของอาเซียนอันจะเป็นประโยชน์ต่อการเชื่อมโยงประชาชนของรัฐสมาชิกอาเซียนเข้าไว้ด้วยกัน และการที่ไทยได้รับความไว้วางใจจากประเทศสมาชิก
อาเซียนให้เป็นเจ้าภาพจัดการประกวดแข่งขันเพลงประจำอาเซียนรวมทั้งเพลงจากไทยได้รับคัดเลือกให้เป็นเพลงประจำอาเซียน ถือเป็นเกียรติภูมิของประเทศ และแสดงถึงความสามารถของคนไทยด้วย
READ MORE

สัญลักษณ์ของอาเซียน

|
  

สัญลักษณ์ของอาเซียนเป็นรวงข้าวสีเหลือง 10 มัด หมายถึงการที่ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้ง 10 ประเทศรวมกันเพื่อมิตรภาพและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อยู่ในพื้นที่วงกลม
สีแดง สีขาว และน้ำเงิน ซึ่งแสดงถึงความเป็นเอกภาพ มีตัวอักษรคำว่า“asean” สีน้ำเงิน อยู่ใต้ภาพรวงข้าวอันแสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันเพื่อความมั่นคง สันติภาพ เอกภาพ และความก้าวหน้าของประเทศสมาชิกอาเซียน สีทั้งหมดที่ปรากฏในสัญลักษณ์ของอาเซียนเป็นสีสำคัญที่ปรากฏในธงชาติของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียนสีน้ำเงิน หมายถึง สันติภาพและความมั่นคง สีแดง หมายถึง
ความกล้าหาญและความก้าวหน้า สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์และสีเหลือง หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง
READ MORE

ปฏิญญากรุงเทพฯ

|
    

ปฏิญญากรุงเทพฯ ได้ระบุวัตถุประสงค์สำคัญ 7 ประการของการจัดตั้งอาเซียน ได้แก่ (1) ส่งเสริมความร่วมมือและความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี วิทยาศาสตร ์และการบริหาร (2) ส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงส่วนภูมิภาค (3) เสริมสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ พัฒนาการทางวัฒนธรรมในภูมิภาค (4) ส่งเสริมให้ประชาชนในอาเซียนมีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดี (5) ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในรูปของการฝึกอบรมและการวิจัย และส่งเสริมการศึกษาด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (6) เพิ่มประสิทธิภาพของการเกษตรและอุตสาหกรรม
การขยายการค้า ตลอดจนการปรับปรุงการขนส่งและการคมนาคมและ (7) เสริมสร้างความร่วมมืออาเซียนกับประเทศภายนอกองค์การความร่วมมือแห่งภูมิภาคอื่นๆ และองค์การระหว่างประเทศ

      นโยบายการดำเนินงานของอาเซียนจะเป็นผลจากการประชุมหารือในระดับหัวหน้ารัฐบาล ระดับรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนทั้งนี้การประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) หรือ การประชุมของผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนเป็นการประชุมระดับสูงสุดเพื่อกำหนดแนวนโยบายในภาพรวมและเป็นโอกาสที่ประเทศสมาชิกได้ร่วมกันประกาศเป้าหมายและแผนงานของอาเซียนในระยะยาว ซึ่งจะปรากฏเป็นเอกสารในรูปแบบต่างๆ อาทิ แผนปฏิบัติการ (Action Plan) แถลงการณ์ร่วม (Joint Declaration) ปฏิญญา (Declaration) ความตกลง (Agreement) หรืออนุสัญญา (Convention) ส่วนการประชุมในระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโสจะเป็นการประชุมเพื่อพิจารณาทั้งนโยบายในภาพรวมและนโยบายเฉพาะด้าน


     อาเซียนได้ลงนามร่วมกันในปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือในอาเซียน ฉบับที่ 2 (Declaration of ASEAN Concord II หรือ Bali Concord II) เพื่อประกาศจัดตั้งประชาคมอาเซียน (ASEAN
Community) ภายในปี 2563 หรือ ค.ศ. 2020 โดยสนับสนุนการรวมตัวและความร่วมมืออย่างรอบด้าน ในด้านการเมือง ให้จัดตั้ง “ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน” หรือ ASEAN Political-
Security Community (APSC) ด้านเศรษฐกิจให้จัดตั้ง “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” หรือ ASEAN Economic Community (AEC) และด้านสังคมและวัฒนธรรมให้จัดตั้ง “ประชาคมสังคมและวัฒนธรรม
อาเซียน” หรือ ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC) ซึ่งต่อมาผู้นำอาเซียนได้เห็นชอบให้เร่งรัดการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนให้เร็วขึ้นกว่าเดิมอีก 5 ปี คือภายในปี 2558 หรือ ค.ศ. 2015
โดยได้เล็งเห็นว่าสถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อาเซียนจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถคงบทบาทนำในการดำเนินความสัมพันธ์ในภูมิภาคและตอบสนองความต้องการของประชาชนได้
อย่างแท้จริง
READ MORE

กำเนิดอาเซียนและวัตถุประสงค์

|

กำเนิดอาเซียนและวัตถุประสงค์

สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน (Association of South East Asian Nations : ASEAN) ก่อตั้งขึ้นโดยปฏิญญากรุงเทพฯ (Bangkok Declaration) ซึ่งลงนามโดยรัฐมนตรีจาก 5 ประเทศ ได้แก่ นายอาดัม มาลิกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย
ตุน อับดุล ราซัก บิน ฮุสเซน รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติประเทศมาเลเซีย นายนาซิโซ รามอส รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
การต่างประเทศ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ นายเอส ราชารัตนัม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐสิงคโปร์ และพันเอก(พิเศษ) ดร. ถนัด คอมันตร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2510 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างประเทศในภูมิภาค ธำรงไว้ซึ่งสันติภาพเสถียรภาพ และความมั่นคงปลอดภัยทางการเมือง สร้างสรรค์ความเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาทางสังคมและวัฒนธรรม การกินดีอยู่ดีบนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งจากเจตจำนงที่สอดคล้องกันนี้นำไปสู่การขยายสมาชิกภาพ โดยบรูไนดารุสซาลาม ได้เข้าเป็นสมาชิกในลำดับที่ 6เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2527 สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 7 เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2538 สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสหภาพพม่าเข้าเป็นสมาชิกพร้อมกัน เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2540 และราชอาณาจักรกัมพูชาเข้าเป็นสมาชิก ลำดับที่ 10 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2542 ทำให้ปัจจุบัน
อาเซียนมีสมาชิกรวมทั้งหมด 10 ประเทศ
READ MORE
 

Copyright © 2010 Asean Studies Center | Design by Dzignine